วิธีสร้างงาน Creative ที่ทรงคุณค่า โดยใช้เวลาแค่วันละ 2 ชั่วโมง

deep work

นี่คือทั้งหมดที่คุณจะได้รับจากบทความนี้

  1. คุณไม่ต้องทำงานทั้งวัน เพื่อสร้างผลงานเปลี่ยนชีวิต
  2. ปัญหาของคนอยากสร้างผลงาน แต่ไม่เคยได้เริ่มสักที
  3. Deep Work + Balanced Time = ผลงานเปลี่ยนชีวิต
    1. Deep Work
    2. Balance Time
      1. 1. Creative Time (1 ชม.)
      2. 2. Productive Time (1 ชม.)
  4. ทำน้อยแต่ได้มาก ไม่ใช่แค่เทคนิค แต่คือระบบความคิด
  5. สรุป: แค่วันละ 2 ชั่วโมง คุณจะกลายเป็น Creator ที่เปลี่ยนชีวิตตัวเอง และชีวิตคนอื่นได้

คุณไม่ต้องทำงานทั้งวัน เพื่อสร้างผลงานเปลี่ยนชีวิต

คนจำนวนมากเข้าใจผิดว่าการจะผลิตผลงานที่ดีได้ ต้องใช้เวลาทั้งวัน ต้องทุ่มสุดตัว ต้องเครียด ต้องหนักหน่วง

แต่เมื่อคุณเริ่มสังเกตผู้คนที่สร้างสรรค์ผลงานระดับตำนาน คุณจะพบว่าพวกเขาให้ความสำคัญกับ “เวลาเล็ก ๆ ที่ใช้สมองอย่างมีคุณภาพ” มากกว่า “จำนวนชั่วโมงที่นั่งอยู่หน้าคอม”

นี่คือตัวอย่าง Routine จริง ๆ ของคนที่ทำงานสร้างสรรค์ระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น Charles Darwin ผู้ค้นพบทฤษฎีวิวัฒนาการ หรือแม้กระทั่งศิลปินระดับโลกอย่าง Pablo Picasso

พวกเขาจะแบ่งช่วงเวลาในการทำงาน “Creative work” แค่วันละไม่กี่ชั่วโมง

นอกนั้นเวลาส่วนใหญ่ของเขาหมดไปกับการนอน กินอาหาร ออกกำลังกาย และทำงานที่ตื้นเขิน แต่กลับสร้างผลงานที่ยิ่งใหญ่ในระดับที่เปลี่ยนชีวิตได้

จากประสบการณ์ของผมเองที่ไม่ทำงานประจำ และมาเป็น Creator ได้เกือบ 1 ปี ผมพบว่าสิ่งที่สำคัญคือ “คุณใช้เวลาช่วงไหนลงมือทำ” และ “คุณดำดิ่งกับงานได้มากแค่ไหน” มากกว่าเวลาทั้งวันรวมกันเสียอีก

Productivity = เวลาที่คุณใช้ (Time) x ช่วงเวลาที่คุณดำดิ่ง (Deep work)

และสิ่งที่เปลี่ยนการทำงานของผมไปตลอดกาล คือการแบ่งเวลาแค่วันละ 2 ชั่วโมง เพื่อทำ Deep Work

ซึ่งผมอ้างอิงแนวทางนี้จาก Routine ของคนที่สำเร็จมากมาย รวมทั้งแนวทางจาก Dan Koe นักเขียนและนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมาก ๆ อีกคนในยุคนี้ และมันก็ได้ผลดีอย่างเหลือเชื่อ

และในบทความนี้ผมจะพาคุณมาสร้างช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยม และผลิตผลงานที่ทรงคุณค่าโดยใช้เวลาแค่ 2 ชั่วโมงกัน

ปัญหาของคนอยากสร้างผลงาน แต่ไม่เคยได้เริ่มสักที

ผมขอขยี้ประเด็นนี้เพิ่มขึ้นอีกหน่อย เพื่อให้คุณเห็นถึงความสำคัญของการ Deep work และการออกแบบไลฟ์สไตล์เพื่อทำงานสร้างสรรค์

คุณอาจรู้สึกแบบนี้:

  • อยากเขียนบทความดี ๆ สักชิ้น แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง
  • อยากมีผู้ติดตาม อยากมีคนเห็นคุณค่าความคิดของเรา
  • อยากทำ Content ที่เปลี่ยนชีวิตผู้คนได้ แต่กลับหมดเวลาไปกับการเสพเนื้อหาอย่างเดียว

สาเหตุที่คุณรู้สึกติด ๆ ขัด ๆ อยู่ตลอดเวลา เพราะคุณอาจกำลังใช้เวลาสำหรับ “
การ consume” แทนที่จะเป็น “การ create”

เราถูกหลอกให้คิดว่าการไถฟีด ดูวิดีโอ หรืออ่านบทความ คือการ “หาข้อมูล” แต่จริง ๆ แล้วมันคือการปล่อยให้สมองทำงานตื้น ๆ อยู่ตลอดเวลา จนไม่มีพลังพอสำหรับงานลึก ๆ ที่เปลี่ยนชีวิต

สิ่งที่คุณต้องการจริง ๆ คือการมีช่วงเวลาที่จะโฟกัสอย่างเต็มที่ (Deep Work Session) และรู้จักการปรับสมดุลระหว่าง Creative กับ Productive

เพียงเท่านี้คุณก็สามารถเขียนบทความดี ๆ ทำ content และสร้างตัวตนบนโลกออนไลน์ โดยใช้เวลาแค่ 2 ชั่วโมงต่อวันได้แล้ว

Deep Work + Balanced Time = ผลงานเปลี่ยนชีวิต

จากหนังสือ Deep Work ของ Cal Newport เขาอธิบายว่า คนที่สามารถสร้างผลงานระดับโลกได้ มักจะมีช่วงเวลาที่โฟกัสแบบสุดขีดในแต่ละวัน
ผมเรียกสิ่งนี้ว่า “Deep Work Session”

Deep Work

Deep Work คือการทำงานอย่างดำดิ่ง ที่ต้องใช้พลังงาน ความคิด และสมาธิจดจ่อระดับสูง ไม่ว่าจะเป็นการเขียนหนังสือ เขียน Blog post ยาว ๆ (แบบที่คุณอ่านอยู่ตอนนี้) หรือแม้กระทั่งการทำงานศิลปะ

ซึ่งเป็นขั้วตรงข้ามกับการทำงานอย่างตื้นเขิน เช่น การตอบแชท ตอบอีเมล หรืองานเอกสารเล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นต้น

โดยปัจจุบันการเป็น Content Creator ก็ไม่ต่างจากศิลปิน หรือนักเขียนที่ต้องสร้างสรรค์ผลงาน และทำงานอย่างดำดิ่งเลย

เพราะงั้น หากคุณเข้าใจวิธีในการทำงานแบบ Deep Work โอกาสในการประสบความสำเร็จในยุค Creator economy ก็มีสูงตามไปด้วย

โดยกฏในการสร้าง Deep Work Session ก็ไม่ยากเลย สิ่งที่คุณต้องการมีเพียง

  • กำหนดช่วงเวลาที่จะทำงานอย่างดำดิ่ง
  • กำหนดสถานที่
  • ตัดสิ่งรบกวนทุกชนิด โดยเฉพาะ Social media

ตัวอย่างจริงของผม
ผมกำหนดเวลาในการ Deep work ไว้ที่ 2 ชั่วโมง / วัน
ช่วงเวลาบ่าย 2 โมง – 4 โมงเย็น โดยสถานที่คือร้านกาแฟแถว ๆ คอนโด
ก่อนจะเริ่มทำงาน ผมจะดื่มกาแฟ และเขียน Journal เล็ก ๆ ก่อนทำงาน ปิดมือถือ จากนั้นก็ลุยเลย

นอกจากจะกำหนด Deep Work Session แล้ว สิ่งที่คุณควรรู้อีก 1 อย่างก็คือ การ Balance time ระหว่าง Creative กับ Productive

เพราะสมองของเราไม่สามารถทำงาน 2 อย่างพร้อมกันได้

ช่วงเวลาที่สมองจะทำงาน Creative ได้ดีที่สุด คือตอนที่สมองอยู่ใน Default mode หรือก็คือช่วงเวลาที่คุณไม่ต้องคิดอะไร

ส่วนเวลา Productive จะเกิดขึ้นเมื่อคุณปิดทุกสิ่งรบกวน และทุ่มพลังโฟกัสไปที่งานอย่างเต็มที่ ซึ่งโฟกัสของมันมีจำกัดอยู่ประมาณ 1 ชั่วโมงเท่านั้น

เมื่อคุณเข้าใจแล้วว่า Creative กับ Productive มันทำงานในช่วงเวลาที่ต่างกัน การแบ่งเวลาให้เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญ

Balance Time

โดยผมแบ่งเวลาออกเป็น 2 ช่วง ช่วงละ 1 ชั่วโมง ดังนี้:

1. Creative Time (1 ชม.)

  • เดินเล่นเงียบ ๆ โดยไม่มีมือถือ
  • ฟัง Podcast / อ่านหนังสือที่ช่วยจุดประกายความคิด
  • บันทึกไอเดียที่ผุดขึ้นมาทุกครั้งที่สมองเชื่อมโยงบางอย่างได้

2. Productive Time (1 ชม.)

  • ลงมือเขียน Newsletter หรือบทความทันทีจากไอเดียที่ได้
  • ไม่เปิดโซเชียล ไม่เช็คมือถือ
  • โฟกัสแค่การ “เขียนให้จบ” ในเวลานั้น

เพียงเท่านี้ ผมสามารถผลิตงานที่ผู้คนอ่านแล้วเซฟ แชร์ หรือกลายเป็นผู้ติดตามได้อย่างต่อเนื่อง แม้จะใช้เวลาเพียงวันละ 2 ชั่วโมง

ผมใช้ Routine แบบนี้ในการเขียนบทความ เขียน Thread และทำ Script youtube

ปัจจุบัน ณ เวลาที่ผมเขียนบทความ ผมอัปโหลดคลิปเพียง 12 คลิปเท่านั้น ก็มีผู้ติดตามใน Youtube กว่า 7.36K คน และทำเงินให้ผมจากการขาย Digital Product รวมแล้วหลักแสนบาท

ทำน้อยแต่ได้มาก ไม่ใช่แค่เทคนิค แต่คือระบบความคิด

เราต้องเริ่มจากการเปลี่ยนความเชื่อที่ว่า

“ทำงานเยอะ = ได้งานดี” ให้กลายเป็น “ทำงานลึก = ได้งานที่เปลี่ยนชีวิต”

วิธีที่คุณจะเริ่มวันนี้ได้ทันที

  1. เลือกเวลาที่คุณโฟกัสได้ดีที่สุด (ของผมคือตอนบ่าย)
  2. ปิดมือถือและแจ้งเตือนทั้งหมด
  3. ตั้งเวลา 2 ชั่วโมง และเริ่มทำงานลึกจริง ๆ
  4. อย่าพยายาม multitask ทำแค่งานเดียวให้เสร็จ
  5. แบ่งช่วงเวลาในการพักด้วย เพื่อให้สมองได้เชื่อมโยงไอเดียใหม่ ๆ
  6. ทำแบบนี้ 5 วัน/สัปดาห์ แล้วสังเกตว่าคุณผลิตงานได้มากแค่ไหน

สรุป: แค่วันละ 2 ชั่วโมง คุณจะกลายเป็น Creator ที่เปลี่ยนชีวิตตัวเอง และชีวิตคนอื่นได้

ผลงานคุณไม่จำเป็นต้องมาก แต่มันต้องเปลี่ยนบางอย่างในชีวิตของผู้อ่าน

และคุณไม่จำเป็นต้องทำงานทั้งวัน แต่คุณต้องมีช่วงเวลาที่ใช้สมองอย่างแท้จริง

ถ้าคุณเริ่มต้นวันนี้ แล้วลงมือทำงานสร้างสรรค์อย่างลึกซึ้ง วันละแค่ 2 ชั่วโมง คุณจะมีงานที่ทรงคุณค่า พร้อมผู้ติดตามที่เห็นคุณค่าในตัวคุณอย่างแท้จริง

และนี่คือทักษะที่ผมมองว่า จะทำให้คุณโดดเด่น แตกต่าง และทำให้คุณรอดจากเทคโนโลยีที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว

ในยุคที่มีสิ่งรบกวนมากมาย คุณกลับสามารถทำงานได้อย่างดำดิ่ง ผลิตผลงานที่มีคุณค่า และนำมาสู่การสร้างตัวตนและรายได้ ซึ่ง AI ก็แย่งไปจากคุณไม่ได้แน่นอน

สุดท้ายนี้ ถ้าคุณอยากเรียนรู้ทักษะ High – income skills ที่จะทำให้มีชีวิตรอดในการทำงานยุค Creator economy

กด Subscribeเพื่อรับบทความของเอิร์ธทุกสัปดาห์ได้เลยครับ หรือเข้าไปติดตาม Social Media ของเอิร์ธทุก ๆ ช่องทาง โดยพิมพ์คำว่า Earth Rati ได้เลยครับผม แล้วเจอกันครับ


Discover more from Earth Rati

Subscribe to get the latest posts sent to your email.

Response

  1. instantavenueb35d594ad2 Avatar

    สวัสดีครับคุณเอิร์ท ผมติดตามคุณเอิร์ททางช่องยูทูบ กำลังจะติดตามทาง IG
    ผมขออนุญาตเรียนถามว่า หากซื้อคอร์สเรียน เพื่อขายดิจิตอลโปรดัคท์
    ที่คุณเอิร์ทขายอยู่ จำเป็นจะต้องใช้คอมใช่ไหมครับ ขอบคุณมากครับผม

    Like

Leave a reply to instantavenueb35d594ad2 Cancel reply

Discover more from Earth Rati

Subscribe now to keep reading and get access to the full archive.

Continue reading