
นี่คือทั้งหมดที่คุณจะได้รับจากบทความนี้
- คุณไม่ต้องทำงานทั้งวัน เพื่อสร้างผลงานเปลี่ยนชีวิต
- ปัญหาของคนอยากสร้างผลงาน แต่ไม่เคยได้เริ่มสักที
- Deep Work + Balanced Time = ผลงานเปลี่ยนชีวิต
- ทำน้อยแต่ได้มาก ไม่ใช่แค่เทคนิค แต่คือระบบความคิด
- สรุป: แค่วันละ 2 ชั่วโมง คุณจะกลายเป็น Creator ที่เปลี่ยนชีวิตตัวเอง และชีวิตคนอื่นได้
คุณไม่ต้องทำงานทั้งวัน เพื่อสร้างผลงานเปลี่ยนชีวิต
คนจำนวนมากเข้าใจผิดว่าการจะผลิตผลงานที่ดีได้ ต้องใช้เวลาทั้งวัน ต้องทุ่มสุดตัว ต้องเครียด ต้องหนักหน่วง
แต่เมื่อคุณเริ่มสังเกตผู้คนที่สร้างสรรค์ผลงานระดับตำนาน คุณจะพบว่าพวกเขาให้ความสำคัญกับ “เวลาเล็ก ๆ ที่ใช้สมองอย่างมีคุณภาพ” มากกว่า “จำนวนชั่วโมงที่นั่งอยู่หน้าคอม”
นี่คือตัวอย่าง Routine จริง ๆ ของคนที่ทำงานสร้างสรรค์ระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น Charles Darwin ผู้ค้นพบทฤษฎีวิวัฒนาการ หรือแม้กระทั่งศิลปินระดับโลกอย่าง Pablo Picasso
พวกเขาจะแบ่งช่วงเวลาในการทำงาน “Creative work” แค่วันละไม่กี่ชั่วโมง
นอกนั้นเวลาส่วนใหญ่ของเขาหมดไปกับการนอน กินอาหาร ออกกำลังกาย และทำงานที่ตื้นเขิน แต่กลับสร้างผลงานที่ยิ่งใหญ่ในระดับที่เปลี่ยนชีวิตได้

จากประสบการณ์ของผมเองที่ไม่ทำงานประจำ และมาเป็น Creator ได้เกือบ 1 ปี ผมพบว่าสิ่งที่สำคัญคือ “คุณใช้เวลาช่วงไหนลงมือทำ” และ “คุณดำดิ่งกับงานได้มากแค่ไหน” มากกว่าเวลาทั้งวันรวมกันเสียอีก
Productivity = เวลาที่คุณใช้ (Time) x ช่วงเวลาที่คุณดำดิ่ง (Deep work)
และสิ่งที่เปลี่ยนการทำงานของผมไปตลอดกาล คือการแบ่งเวลาแค่วันละ 2 ชั่วโมง เพื่อทำ Deep Work
ซึ่งผมอ้างอิงแนวทางนี้จาก Routine ของคนที่สำเร็จมากมาย รวมทั้งแนวทางจาก Dan Koe นักเขียนและนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมาก ๆ อีกคนในยุคนี้ และมันก็ได้ผลดีอย่างเหลือเชื่อ
และในบทความนี้ผมจะพาคุณมาสร้างช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยม และผลิตผลงานที่ทรงคุณค่าโดยใช้เวลาแค่ 2 ชั่วโมงกัน
ปัญหาของคนอยากสร้างผลงาน แต่ไม่เคยได้เริ่มสักที
ผมขอขยี้ประเด็นนี้เพิ่มขึ้นอีกหน่อย เพื่อให้คุณเห็นถึงความสำคัญของการ Deep work และการออกแบบไลฟ์สไตล์เพื่อทำงานสร้างสรรค์
คุณอาจรู้สึกแบบนี้:
- อยากเขียนบทความดี ๆ สักชิ้น แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง
- อยากมีผู้ติดตาม อยากมีคนเห็นคุณค่าความคิดของเรา
- อยากทำ Content ที่เปลี่ยนชีวิตผู้คนได้ แต่กลับหมดเวลาไปกับการเสพเนื้อหาอย่างเดียว
สาเหตุที่คุณรู้สึกติด ๆ ขัด ๆ อยู่ตลอดเวลา เพราะคุณอาจกำลังใช้เวลาสำหรับ “
การ consume” แทนที่จะเป็น “การ create”
เราถูกหลอกให้คิดว่าการไถฟีด ดูวิดีโอ หรืออ่านบทความ คือการ “หาข้อมูล” แต่จริง ๆ แล้วมันคือการปล่อยให้สมองทำงานตื้น ๆ อยู่ตลอดเวลา จนไม่มีพลังพอสำหรับงานลึก ๆ ที่เปลี่ยนชีวิต
สิ่งที่คุณต้องการจริง ๆ คือการมีช่วงเวลาที่จะโฟกัสอย่างเต็มที่ (Deep Work Session) และรู้จักการปรับสมดุลระหว่าง Creative กับ Productive
เพียงเท่านี้คุณก็สามารถเขียนบทความดี ๆ ทำ content และสร้างตัวตนบนโลกออนไลน์ โดยใช้เวลาแค่ 2 ชั่วโมงต่อวันได้แล้ว
Deep Work + Balanced Time = ผลงานเปลี่ยนชีวิต

จากหนังสือ Deep Work ของ Cal Newport เขาอธิบายว่า คนที่สามารถสร้างผลงานระดับโลกได้ มักจะมีช่วงเวลาที่โฟกัสแบบสุดขีดในแต่ละวัน
ผมเรียกสิ่งนี้ว่า “Deep Work Session”
Deep Work
Deep Work คือการทำงานอย่างดำดิ่ง ที่ต้องใช้พลังงาน ความคิด และสมาธิจดจ่อระดับสูง ไม่ว่าจะเป็นการเขียนหนังสือ เขียน Blog post ยาว ๆ (แบบที่คุณอ่านอยู่ตอนนี้) หรือแม้กระทั่งการทำงานศิลปะ
ซึ่งเป็นขั้วตรงข้ามกับการทำงานอย่างตื้นเขิน เช่น การตอบแชท ตอบอีเมล หรืองานเอกสารเล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นต้น
โดยปัจจุบันการเป็น Content Creator ก็ไม่ต่างจากศิลปิน หรือนักเขียนที่ต้องสร้างสรรค์ผลงาน และทำงานอย่างดำดิ่งเลย
เพราะงั้น หากคุณเข้าใจวิธีในการทำงานแบบ Deep Work โอกาสในการประสบความสำเร็จในยุค Creator economy ก็มีสูงตามไปด้วย
โดยกฏในการสร้าง Deep Work Session ก็ไม่ยากเลย สิ่งที่คุณต้องการมีเพียง
- กำหนดช่วงเวลาที่จะทำงานอย่างดำดิ่ง
- กำหนดสถานที่
- ตัดสิ่งรบกวนทุกชนิด โดยเฉพาะ Social media
ตัวอย่างจริงของผม
ผมกำหนดเวลาในการ Deep work ไว้ที่ 2 ชั่วโมง / วัน
ช่วงเวลาบ่าย 2 โมง – 4 โมงเย็น โดยสถานที่คือร้านกาแฟแถว ๆ คอนโด
ก่อนจะเริ่มทำงาน ผมจะดื่มกาแฟ และเขียน Journal เล็ก ๆ ก่อนทำงาน ปิดมือถือ จากนั้นก็ลุยเลย
นอกจากจะกำหนด Deep Work Session แล้ว สิ่งที่คุณควรรู้อีก 1 อย่างก็คือ การ Balance time ระหว่าง Creative กับ Productive
เพราะสมองของเราไม่สามารถทำงาน 2 อย่างพร้อมกันได้
ช่วงเวลาที่สมองจะทำงาน Creative ได้ดีที่สุด คือตอนที่สมองอยู่ใน Default mode หรือก็คือช่วงเวลาที่คุณไม่ต้องคิดอะไร
ส่วนเวลา Productive จะเกิดขึ้นเมื่อคุณปิดทุกสิ่งรบกวน และทุ่มพลังโฟกัสไปที่งานอย่างเต็มที่ ซึ่งโฟกัสของมันมีจำกัดอยู่ประมาณ 1 ชั่วโมงเท่านั้น
เมื่อคุณเข้าใจแล้วว่า Creative กับ Productive มันทำงานในช่วงเวลาที่ต่างกัน การแบ่งเวลาให้เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญ
Balance Time
โดยผมแบ่งเวลาออกเป็น 2 ช่วง ช่วงละ 1 ชั่วโมง ดังนี้:
1. Creative Time (1 ชม.)
- เดินเล่นเงียบ ๆ โดยไม่มีมือถือ
- ฟัง Podcast / อ่านหนังสือที่ช่วยจุดประกายความคิด
- บันทึกไอเดียที่ผุดขึ้นมาทุกครั้งที่สมองเชื่อมโยงบางอย่างได้
2. Productive Time (1 ชม.)
- ลงมือเขียน Newsletter หรือบทความทันทีจากไอเดียที่ได้
- ไม่เปิดโซเชียล ไม่เช็คมือถือ
- โฟกัสแค่การ “เขียนให้จบ” ในเวลานั้น
เพียงเท่านี้ ผมสามารถผลิตงานที่ผู้คนอ่านแล้วเซฟ แชร์ หรือกลายเป็นผู้ติดตามได้อย่างต่อเนื่อง แม้จะใช้เวลาเพียงวันละ 2 ชั่วโมง
ผมใช้ Routine แบบนี้ในการเขียนบทความ เขียน Thread และทำ Script youtube
ปัจจุบัน ณ เวลาที่ผมเขียนบทความ ผมอัปโหลดคลิปเพียง 12 คลิปเท่านั้น ก็มีผู้ติดตามใน Youtube กว่า 7.36K คน และทำเงินให้ผมจากการขาย Digital Product รวมแล้วหลักแสนบาท

ทำน้อยแต่ได้มาก ไม่ใช่แค่เทคนิค แต่คือระบบความคิด
เราต้องเริ่มจากการเปลี่ยนความเชื่อที่ว่า
“ทำงานเยอะ = ได้งานดี” ให้กลายเป็น “ทำงานลึก = ได้งานที่เปลี่ยนชีวิต”
วิธีที่คุณจะเริ่มวันนี้ได้ทันที
- เลือกเวลาที่คุณโฟกัสได้ดีที่สุด (ของผมคือตอนบ่าย)
- ปิดมือถือและแจ้งเตือนทั้งหมด
- ตั้งเวลา 2 ชั่วโมง และเริ่มทำงานลึกจริง ๆ
- อย่าพยายาม multitask ทำแค่งานเดียวให้เสร็จ
- แบ่งช่วงเวลาในการพักด้วย เพื่อให้สมองได้เชื่อมโยงไอเดียใหม่ ๆ
- ทำแบบนี้ 5 วัน/สัปดาห์ แล้วสังเกตว่าคุณผลิตงานได้มากแค่ไหน
สรุป: แค่วันละ 2 ชั่วโมง คุณจะกลายเป็น Creator ที่เปลี่ยนชีวิตตัวเอง และชีวิตคนอื่นได้
ผลงานคุณไม่จำเป็นต้องมาก แต่มันต้องเปลี่ยนบางอย่างในชีวิตของผู้อ่าน
และคุณไม่จำเป็นต้องทำงานทั้งวัน แต่คุณต้องมีช่วงเวลาที่ใช้สมองอย่างแท้จริง
ถ้าคุณเริ่มต้นวันนี้ แล้วลงมือทำงานสร้างสรรค์อย่างลึกซึ้ง วันละแค่ 2 ชั่วโมง คุณจะมีงานที่ทรงคุณค่า พร้อมผู้ติดตามที่เห็นคุณค่าในตัวคุณอย่างแท้จริง
และนี่คือทักษะที่ผมมองว่า จะทำให้คุณโดดเด่น แตกต่าง และทำให้คุณรอดจากเทคโนโลยีที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว
ในยุคที่มีสิ่งรบกวนมากมาย คุณกลับสามารถทำงานได้อย่างดำดิ่ง ผลิตผลงานที่มีคุณค่า และนำมาสู่การสร้างตัวตนและรายได้ ซึ่ง AI ก็แย่งไปจากคุณไม่ได้แน่นอน
สุดท้ายนี้ ถ้าคุณอยากเรียนรู้ทักษะ High – income skills ที่จะทำให้มีชีวิตรอดในการทำงานยุค Creator economy
กด Subscribeเพื่อรับบทความของเอิร์ธทุกสัปดาห์ได้เลยครับ หรือเข้าไปติดตาม Social Media ของเอิร์ธทุก ๆ ช่องทาง โดยพิมพ์คำว่า Earth Rati ได้เลยครับผม แล้วเจอกันครับ

Leave a comment