ถ้าคุณอยากทำธุรกิจ แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง ให้ขโมยจากคนที่สำเร็จ

เลิกรอไอเดียแปลกใหม่ที่จะมาเปลี่ยนโลก แล้วเริ่มต้นด้วยการขโมย

เพราะถ้าคุณรอไอเดียแปลกใหม่ คุณได้รอไปตลอดชีวิตแน่ ๆ และในบทความนี้ผมจะมาบอกวิธีการขโมยอย่างศิลปิน ให้คุณเริ่มต้นธุรกิจได้ง่าย เร็ว และได้ผล แชร์จากประสบการณ์จริงของผมในการสร้างธุรกิจ 6 หลัก

นี่คือทั้งหมดที่คุณจะได้จากบทความนี้ ถ้าพร้อมแล้วไปลุยกันครับ

  1. สร้างธุรกิจ ไม่จำเป็นต้องสร้างสิ่งใหม่
  2. ขโมยให้ได้อย่างศิลปิน คือวิธีในการเริ่มสร้างธุรกิจที่ได้ผลเร็วที่สุด
  3. ประสบการณ์การจริงของผมในการทำธุรกิจ โดยเริ่มจากการ “Steal”
  4. ขั้นตอนเริ่มต้นธุรกิจด้วยการ “ขโมยอย่างศิลปิน”
    1. 1. เลือกโมเดลธุรกิจที่คุณชอบ
    2. 2. แกะโครงสร้าง
    3. 3. ดึงเฉพาะจุดที่เวิร์คมาใช้
    4. 4. ใส่ความเป็นตัวเองลงไป
    5. 5. ทดสอบไอเดียเร็ว ๆ ด้วย Digital Product
  5. สรุป

สร้างธุรกิจ ไม่จำเป็นต้องสร้างสิ่งใหม่

ความเชื่อผิด ๆ ที่คนส่วนใหญ่มีเกี่ยวกับการทำธุรกิจคือ…

คิดว่าการทำธุรกิจ ต้องสร้างสิ่งใหม่ที่โลกนี้ไม่เคยมีมาก่อน

ต้องเป็นไอเดียสุดบรรเจิด ที่จะมาเปลี่ยนโลก แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เลย

ไอเดียที่คุณคิดว่ามันแปลกใหม่มาก ๆ ล้วนมาจากการต่อยอดไอเดียเดิม ๆ ทั้งสิ้น

ดังคำกล่าวที่ว่า “ไม่มีอะไรใหม่ ภายใต้ดวงอาทิตย์”

there is nothing new under the sun

ตัวอย่างเช่น

  • รถยนต์ไฟฟ้า (Tesla) → รถยนต์ + แบตเตอรี่ลิเธียม + ซอฟต์แวร์
  • iPhone → โทรศัพท์ + คอมพิวเตอร์ + กล้องถ่ายรูป

หลาย ๆ ไอเดียธุรกิจที่เปลี่ยนโลกล้วนมาจากการผนวกรวมกันของสิ่งเดิมที่มีอยู่แล้ว

ถ้าคุณพยายามสร้างสิ่งใหม่ คุณจะไม่ได้เริ่มสร้างอะไรเลย

ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่เคยเอาแต่รอไอเดียที่จะเปลี่ยนโลก
พอคิดว่ามีคนเคยทำแล้ว ก็ล้มเลิกไป
เพราะคิดว่าทำแข่งไปก็ไม่สำเร็จ ซึ่งมันเป็นความคิดที่ผิดมาก ๆ

ดังนั้น สิ่งที่คุณควรทำจริง ๆ หากอยากเริ่มต้นทำธุรกิจ ไม่ใช่การสร้างสิ่งใหม่ แต่เป็นการขโมยไอเดียที่ประสบความสำเร็จอยู่แล้ว มาปรับเปลี่ยนใหม่ แล้วใส่ความเป็นตัวเองเข้าไป

ขโมยให้ได้อย่างศิลปิน คือวิธีในการเริ่มสร้างธุรกิจที่ได้ผลเร็วที่สุด

“Good artists copy. Great artists steal.” — Pablo Picasso

คำกล่าวนี้ของ Pable Picasso ตอนผมได้ยินครั้งแรกมันเปิดโลกผมมาก ๆ

และมันคือจุดเริ่มต้นของเส้นทางธุรกิจผมหลังจากนี้เลย

ก่อนอื่นต้องเข้าใจคำว่า Copy กับ Steal ก่อน
เพราะ 2 คำนี้มันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

Steal หรือขโมยอย่างศิลปิน ไม่ใช่การ Copy & Paste แต่มันคือการ…

  • ศึกษาไอเดียที่เวิร์คจากคนที่สำเร็จแล้ว
  • แยกแยะโครงสร้างและหลักการเบื้องหลัง
  • ผสมให้เข้ากับสไตล์และมุมมองของคุณ

ดังนั้น คุณก็ไม่ต้องเสียเวลาไปนั่งคิดไอเดียใหม่ตั้งแต่แรก แค่ไปขโมยไอเดียที่สำเร็จมาก็พอ และนั่นแหละคือวิธีที่ผมนำมาประยุกต์ใช้กับการทำธุรกิจ

ประสบการณ์การจริงของผมในการทำธุรกิจ โดยเริ่มจากการ “Steal”

นี่คือประสบการณ์จริงของผมในการทำ Digital Business ซึ่งสร้างรายได้กว่า 6-7 หลัก ด้วยการ “ขโมยอย่างศิลปิน”

หนึ่งในธุรกิจที่ผมทำและสร้างยอดขายได้กว่า 6 หลักคือการขาย Notion Template ที่มีชื่อว่า Second brain เป็นการใช้ Notion app สร้างเป็นสมองที่ 2 ซึ่งช่วยจัดการงาน จัดการโปรเจกต์ และข้อมูลต่าง ๆ อย่างเป็นระบบ

โดยไอเดียนี้ผมไม่ได้คิดขึ้นมาเอง

แนวคิดเรื่อง Second brain เกิดมาจาก Tiago Forte เจ้าพ่อในวงการ Producitivty

ซึ่งมันได้แผร่หลายไปอย่างรวดเร็วในวงการของคนที่ชอบพัฒนาตัวเอง จนเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ชื่อว่า Easlo ได้นำไปสร้างเป็น Notion template ขายและสร้างยอดขายอย่างมหาศาล

ผมไม่ได้ติดตามเขาเท่าไหร่แล้ว ไม่แน่ใจว่าขายไปได้กี่ล้านดอลล่าห์ (ดอลล่าห์นะครับ ไม่ใช่บาท โคตรเยอะ 555+)

หลักจากที่ผมศึกษาแนวคิดของ Tiago Forte บวกกับไปเจอสิ่งที่ Easlo ทำ จะรออะไรหละครับ ผมก็ Steal เลยทันที

ผมเห็นโอกาสว่ายังไม่มีคนไทยทำสิ่งนี้ขายเท่าไหร่ และ Notion ก็ค่อนข้างใหม่มาก ๆ ในไทย ก็เลยรีบเปิด Page Facebook และทำ Notion Second Brain มาขายบ้าง ปรากฏว่ามันทำเงินให้ผมได้กว่า 6 หลัก

และผมก็ยังไม่หยุดแค่นี้ครับ 555+

ในเมื่อแนวทางการ Steal idea จากต่างประเทศมันได้ผล ผมเลยเริ่มมองหาไอเดียใหม่ ๆ จากต่างประเทศมากขึ้น จนผมได้ไปรู้จักกับชายที่ชื่อว่า “Dan Koe”

Dan เป็น Creator ต่างประเทศที่พูดถึงเรื่องการทำธุรกิจแบบ One person business หรืออีกชื่อก็คือ Solopreneur business (ผมมักจะใช้ชื่อนี้เป็นหลัก เพราะไม่อยากซ้ำ 555)

ซึ่งสิ่งที่ Dan Koe พูดมันคือแนวทางเดียวกับที่ผมกำลังทำ + สนใจอยู่พอดี เพราะตอนที่ผมขาย Notion template ผมก็รันธุรกิจทุกอย่างด้วยตัวคนเดียว

ผมเข้าไปศึกษาว่า Dan Koe หาเงินยังไง สินค้าและบริการของเขาคืออะไร และพบว่าเขาหารายได้จากการขายคอร์สออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นคอร์สสอนเขียนหรือคอร์สสอนทำธุรกิจ

ผมก็ไม่รอช้าครับ steal แนวทางที่ Dan Koe ทำทันที

ผมเริ่มนำความรู้และทักษะที่ผมมีมาเปิดคอร์สสอน ไม่ว่าจะเป็นคอร์สสอนเขียน Copywriting คอร์สสอนทำธุรกิจแบบ Solopreneur

หลังจากเปิดตัวได้ไม่กี่เดือน ผมทำเงินได้มากกว่า 500K บาท (บ้าบอมากกก)

เอาเป็นว่า หยุดโม้ไว้เพียงเท่านี้ละกัน ประเด็นสำคัญที่ผมอากจะบอกก็คือ การขโมยอย่างศิลปิน มันสามารถทำเงินให้กับคุณได้จริง ๆ

แต่อย่าลืมนะครับ ว่ามันไม่ใช่การลอกมาทั้งดุ้น แต่เป็นการแกะโครงสร้างและวิธีการที่ได้ผล และนำมาปรับใช้ในแบบของตัวเอง

ไม่ว่าจะเป็นจาก Easlo หรือ Dan Koe ผมไม่ได้ลอกเขามาทั้งดุ้น เพราะพูดตามตรงืถ้าลอกมาหมดก็คงขายให้คนไทยไม่ได้แน่ ๆ เพราะวิธีการที่เขาใช้ เน้นขายในตลาดสากลเป็นหลัก

ผมก็ต้องนำมาปรับให้เหมาะกับตลาดคนไทยอยู่พอสมควรเลย

ทีนี้ทุกคนน่าจะเข้าใจ concept แล้วว่าการขโมยอย่างศิลปินเพื่อมาทำธุรกิจ มันมีลักษณะยังไง ต่อไปเอิร์ธจะพาไปลงรายละเอียดแบบ step by step กันบ้างว่าถ้าคุณจะทำบ้าง ต้องเริ่มต้นยังไง

ขั้นตอนเริ่มต้นธุรกิจด้วยการ “ขโมยอย่างศิลปิน”

มีทั้งหมด 5 ขั้นตอนหลัก ๆ ด้วยกัน

  • เลือกโมเดลธุรกิจที่คุณชอบ
  • แกะโครงสร้าง
  • ดึงเฉพาะจุดที่เวิร์คมาใช้
  • ใส่ความเป็นตัวเองลงไป
  • ทดสอบไอเดียไว ๆ ด้วย Digital Product หรือ Pre-sale

ในยุคปัจจุบัน เปิดโอกาสให้คนทำธุรกิจเริ่มต้นได้ง่ายและไวมาก ๆ เพราะคุณไม่จำเป็นต้องไปจ้างโรงงานผลิต ไม่ต้องใช้เงินทุนมหาศาล หรือมีทีมงานเยอะแยะ

คุณต้องการแค่ Laptop + Internet + Idea ธุรกิจ

ก็สามารถทดสอบตลาดได้ทันที เดี๋ยวใน Part นี้ผมจะมาอธิบายแบบลึก ๆ ให้ฟัง

1. เลือกโมเดลธุรกิจที่คุณชอบ

วิธีที่ผมใช้ก็คือ กลับมาดูว่าตัวเราเคยซื้อสินค้าหรือบริการของใครบ้าง หรือกำลังติดตามใครอยู่ อย่างของผมก็คือติดตาม Easlo และก็ Dan Koe ในสมัยที่เริ่มทำธุรกิจแรก ๆ

และผมก็สนใจการขาย Digital Product โดยเฉพาะ Notion template

หากคุณยังไม่แน่ใจ ผมแนะนำให้กลับไปสำรวจ Creator ที่คุณชื่นชอบและติดตาม ดูว่าเขาขายอะไรกัน เมื่อคุณได้เป้าหมายที่จะขโมยแล้ว เราก็จะเข้าสู่ขั้นตอนที่ 2 กัน

2. แกะโครงสร้าง

โครงสร้างที่ผมให้คุณแกะหลัก ๆ จะมีอยู่ 3 ส่วนด้วยกัน

  • พวกเขาขายอะไร?
  • พวกเขาขายให้ใคร?
  • พวกเขาทำการตลาดยังไง?

อย่างแรกคือพวกเขาขายอะไร หัวข้อนี้คือการที่คุณเข้าไปแกะ Product ของเขาว่ามันอยู่ในรูปแบบไหน Notion template? หรือคอร์สออนไลน์?

แล้วองค์ประกอบของมันมีอะไรบ้าง Feature, Benefie ถ้าเป็นคอร์สก็ต้องเข้าไปดูว่าเขามี Outline course ประมาณไหนบ้าง

เพื่อทำให้คุณเห็นภาพมากขึ้น เวลาจะนำมาสร้างสินค้าของตัวเอง

อย่างที่ 2 คือการไปแกะว่าเขาขายใคร อันนี้สำคัญมาก ๆ ครับ เพราะถ้าคุณไม่รู้ว่ากลุ่มเป้าหมายคือใคร ก็ยากที่จะประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจ เพราะทุกสินค้า ทุกบริการ ล้วนเกิดมาเพื่อแก้ปัญหากลุ่มคนบางกลุ่ม

วิธีสังเกตว่าเขาขายใคร เทคนิคง่าย ๆ เลยก็คือ ดูในโฆษณาของเขาครับ ไม่ว่าจะเป็นใน Social Post หรือใน Landing page ขายสินค้า

ดูว่าเขากล่าวถึงใคร พูดถึงคนกลุ่มไหนเป็นหลัก นั่นแหละคือกลุ่มเป้าหมายของเขา

เช่น ถ้าคุณสังเกตคอร์สออนไลน์ของผม ใน Landing page จะกล่าวถึงพนักงานประจำที่อยากหารายได้เสริมบ่อยมาก เพราะนี่แหละคือกลุ่มเป้าหมายของผม

อย่างที่ 3 พวกเขาทำการตลาดยังไง ข้อนี้ก็สำคัญไม่แพ้กัน (เอาจริง ๆ ก็สำคัญทุกข้อ 555+) เมื่อมีสินค้า มีกลุ่มเป้าหมายแล้ว สิ่งที่ทุก ๆ ธุรกิจต้องทำก็คือทำการตลาด

ถ้าไม่ทำการตลาด กลุ่มเป้าหมายที่เล็งไว้ ก็ไม่มีทางรู้เลยว่ามีสินค้าหรือบริการนี้อยู่บนโลก เพราะงั้นคุณต้องเข้าไปแกะแนวทางการทำ Content ของพวกเขา เขาทำ Post ประมาณไหน ใช้ Platform social media อะไรบ้าง

ทำคลิปสั้น คลิปยาว บทความ หรืออะไรบ้าง และเล่าเรื่องประมาณไหน

ถ้าคุณแกะจนเจอ Pattern ที่เขาใช้ทำ Content ได้ มันก็ง่ายแล้วที่คุณจะ steal มาทำตามบ้าง

ถ้าคุณสังเกตแนวทางการทำ content ของผมจะมีความคล้ายกับ Dan Koe มากๆ เพราะเอาจริง ๆ ผมก็ตั้งใจ steal เขาแหละ แต่ก็ใส่ความเป็นตัวเองเข้าไปด้วยเหมือนกัน

3. ดึงเฉพาะจุดที่เวิร์คมาใช้

หลังจากที่คุณแกะคนที่สำเร็จมาจนหมดเปลือกแล้ว หน้าที่ของคุณก็คือดึงแค่จุดที่ได้ผลมาใช้ก็พอ

แน่นอนว่าทุก Content ที่เขาทำ ทุกสินค้าที่เขาขาย มันก็จะมีสินค้าขายดี และ Content ที่ไวรัล คุณต้องเลือกมาเฉพาะที่มันได้ผล และคิดว่าเวิร์คกับกลุ่มเป้าหมายของคุณ

โดยเฉพาะการที่เราไปขโมยไอเดียจากต่างประเทศมา หน้าที่ของคุณคือต้องทำให้มันเวิร์คกับคนไทยด้วย อันนี้สำคัญมาก ๆ

4. ใส่ความเป็นตัวเองลงไป

เพราะสุดท้ายถ้าคุณไม่มีเอกลักษณ์ความเป็นตัวเองเลย ก็ยากที่จะขายได้ อย่างตัวเอิร์ธเอง ก็จะมีการทำสิ่งที่เรียกว่า Storybrand คือการใช้เรื่องราวส่วนตัว มาเชื่อมโยงเข้ากับสินค้าหรือบริการ

อย่างเช่น Notion Second Brain เอิร์ธก็จะเล่าเรื่องของการเป็นเด็กวิศวะที่ทำทั้งธุรกิจ และเรียนไปพร้อม ๆ กัน และต้องจัดการโปรเจกต์หลาย ๆ อย่างเลยอยากได้ระบบมาช่วย
ซึ่งมันก็คือ Notion Second Brain

หรือคอร์สออนไลน์ Solopreneur Laucnhpad ซึ่งเป็นคอร์สสอนทำธุรกิจด้วยตัวคนเดียว เอิร์ธก็ใช้เรื่องราวการขาย Notion template ของตัวเอง ที่ทำขายจนกลายเป็นรายได้หลัก และไม่ต้องไปทำงานประจำเป็นวิศวกร มาเป็นเรื่องราวในการขาย

เพราะงั้น ถึงแม้ว่าคุณจะแกะสินค้า แกะวิธีการทำการตลาดของเขามาได้แล้ว แต่ก็อย่าลืมใส่ความเป็นตัวเอง และวิธีการนำเสนอที่เป็นเอกลักษณ์เข้าไปด้วย

5. ทดสอบไอเดียเร็ว ๆ ด้วย Digital Product

อย่างที่ผมบอกไป ข้อดีของยุคนี้คือคุณสามารถทดสอบตลาดได้ไว

วิธีที่เอิร์ธใช้จริง ๆ แล้วได้ผลก็คือ เมื่อมีไอเดียที่ได้จากต่างประเทศ ไปแกะวิธีการขาย การนำเสนอของเราออกมาได้แล้ว

เอิร์ธจะนำไอเดียนั้นไปทำ Landing page ไปทำ Post ขายซึ่งใช้ทักษะ Copywriting ในการเขียนโฆษณา และทดสอบด้วยการยิงแอดเลย

หรือถ้าทำ Content และมีผู้ติดตามอยู่บ้างแล้ว ก็อาจจะทดสอบขายกับ Follower ก่อนเลย ซึ่งวิธีนี้ไม่ต้องเสียเงินสักบาทเดียว คุณลองขายได้เลยแม้ว่าสินค้าจะยังไม่เสร็จ

เพราะสิ่งที่คุณขายมันคือ Concept และ Idea ถ้ามันเวิร์คคนก็จะสนใจ
ไม่ต้องเสียเวลาสร้างของที่ไม่มีใครต้องการ

ตัวอย่างจริงของผมก็คือการเปิดตัวคอร์ส Solopreneur Launchpad

ผมทดลองประกาศขายผ่านสตอรี่ไอจี และมันก็ทำเงินให้ผมได้ 100K บาท
จากการลงสตอรี่แค่ 4 อันเท่านั้น โดยที่ตัวคอร์สยังไม่เสร็จด้วยซ้ำ

สรุป

การเริ่มทำธุรกิจไม่จำเป็นต้องสร้างสิ่งใหม่ คุณสามารถขโมยไอเดียที่สำเร็จ แกะโครงสร้างของเขา และนำมาปรับให้เหมาะกับตัวเองได้เลย

ไม่ต้องเริ่มใหม่จาก 0 แค่ไปยืนบนไหล่ของคนที่สำเร็จมาก่อน

โดยขั้นตอนในการ “ขโมยอย่างศิลปินเพื่อสร้างธุรกิจ” มีอยู่ 5 ขั้นตอนด้วยกัน

  • เลือกโมเดลธุรกิจที่คุณชอบ
  • แกะโครงสร้าง
  • ดึงเฉพาะจุดที่เวิร์คมาใช้
  • ใส่ความเป็นตัวเองลงไป
  • ทดสอบไอเดียไว ๆ ด้วย Digital Product หรือ Pre-sale

เพียงเท่านั้น คุณก็สามารถเริ่มต้นธุรกิจได้ง่าย เร็ว และมีโอกาสประสบความสำเร็จสูงแล้ว

ถ้าคุณอยากประหยัดเวลาในการลองผิดลองถูกในเส้นทางธุรกิจแบบ Solopreneur สามารถเข้าไปดูรายละเอียดคอร์ส Solopreneur Launchpad ได้ที่ Link นี้เลยครับผม


Discover more from Earth Rati

Subscribe to get the latest posts sent to your email.

Leave a comment

Discover more from Earth Rati

Subscribe now to keep reading and get access to the full archive.

Continue reading